วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พระและเทวดาประจำวันเกิด

โอม นมัช ศิวายะ





พระประจำวันอาทิตย์ "ปางถวายเนตร"
ประวัติย่อ...

เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้แล้ว จึงประทับยับยั้งเสวยวิมุตติสุขอยู่ใต้ร่มโพธิ์เป็น เวลา ๗ วัน จากนั้นจึงเสด็จออกไปจากภายใต้ร่มโพธิ์ไปประทับยืนอยู่ทางทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)ทอดพระเนตรพระศรีมหาโพธิ์โดยไม่กระพริบ พระเนตร เป็นเวลา ๗ วัน เพื่อรำลึกถึงคุณประโยชน์ของต้นมหาโพธิ์ที่แผ่กิ่งก้าน ประทานร่มเงาให้ความชุ่มเย็น เป็นการอำนวยช่วยพระองค์จนได้ตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้า

เทวกำเนิด พระอิศวรผู้เป็นเจ้า นำราชสีห์6ตัวมาป่นเป็นผงแล้วห่อด้วยผ้าแก้วสีแดงประพรมด้วยน้ำอำมฤต บังเกิดเป็นพระอาทิตย์เทพบุตรมีพระวรกายสีแดงเหมือนทับทิมปัทมราช ประดับอาภรณ์ด้วยทับทิมปัทมราช ทรงราชสีห์ ประทับบนวิมานสีแดง สถิตรักษาเขาพระสุเมรุทางทิศอีสาน(ตะวันออกเฉียงเหนือ)เป็นเทพเจ้าแห่งความร้อนแีรง



เทวกำเนิด พระอิศวรผู้เป็นเจ้า นำราชสีห์6ตัวมาป่นเป็นผงแล้วห่อด้วยผ้าแก้วสีแดงประพรมด้วยน้ำอำมฤต บังเกิดเป็นพระอาทิตย์เทพบุตรมีพระวรกายสีแดงเหมือนทับทิมปัทมราช ประดับอาภรณ์ด้วยทับทิมปัทมราช ทรงราชสีห์ ประทับบนวิมานสีแดง สถิตรักษาเขาพระสุเมรุทางทิศอีสาน(ตะวันออกเฉียงเหนือ)เป็นเทพเจ้าแห่งความ ร้อนแีรง


บูชาเทวดาประจำวันเกิดวันอาทิตย์
สวดพระคาถา ๖ จบ
อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ

......................................

พระประจำวันจันทร์์ "ปางห้ามญาติ"
ประวัติย่อ...

ครั้งหนึ่ง ได้เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ขึ้นในเมืองไพศาลี มีประชาชนล้มตายเป็น จำนวนมาก กษัตริย์ลิจฉวีเจ้าผู้ครองเมืองจึงได้กราบบังคมทูลอาราธนา พระพุทธองค์ ให้เสด็จมาโปรดชาวเมือง พระพุทธองค์ทรงรับสั่งให้พระอานนท์ เจริญรัตนสูตรและประพรมน้ำพระพุทธมนต์รอบพระนคร จนต่อมาภายหลัง โรคร้ายก็หายสิ้นจากพระนครด้วยพุทธานุภาพ




เทวกำเนิด พระอิศวรผู้เป็นเจ้า ได้นำเอานางฟ้า15องค์มาป่นให้เป็นผงแล้วห่อด้วยผ้าแก้วสีขาวนวลประภัสสร แล้วประพรมด้วยน้ำอำทฤต บังเกิดเป็นจันทรเทพบุตรรูปงาม มีสีวรกายขาวนวล ทรงอาชา(ม้าสีขาว10ตัว)เป็นพาหนะ ประดับอาภรณ์ด้วยเพชร อาศัยอยู่วิมานแก้วมุกดา รักษาเขาพระสุเมรุราชด้านทิศบูรพา(ตะวันออก)เป็นเทพเจ้าแห่งความงามและความ นุ่มนวล

บูชาเทวดาประจำวันเกิดวันจันทร์
สวดพระคาถา ๑๕ จบ

อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา

......................................

พระประจำวันอังคาร "ปางไสยาสน์ิ"
ประวัติย่อ...
สมัยหนึ่ง เมือ่พระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ วัดเชตวัน ในพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นอสุรินทราหูจอมอสูร ซึ่งสำคัญว่ามีร่างโตใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า จึงไม่ยอมแสดงความอ่อนน้อม พระพุทธองค์ทรง ประสงค์จะลดทิฐิจองอสูร จึงทรงเนรมิตกายให้ใหญ่โตกว่าจอมอสูร จอมอสูรจึงละทิฐิยอมอ่อนน้อมต่อพระพุทธองค์








เทวกำเนิด พระอิศวรผู้เป็นเจ้านำเอากะบือ หรือควาย8ตัวมาป่นเป็นผงแล้วห่อด้วยผ้าสีเพทาย(แดงสลัวๆ)ประพรมด้วยน้ำอำฤต บังเกิดเป็นอังคารเทพบุตรมีลักษณะผึ่งผาย เป็นมหาบุรุษเข้มแข็งมี4พระกรถือหอกศูลตะบอง มีผิวกายสัเพทาย ประดับอาภรณ์ด้วยโกเมน ทรงมหิงสา มีวิมานสีทับทิม รักษาเขาพระสุเมรุราช ด้านทิศอาคเนย์ เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามและการบุกเบิกมีฐานะเป็นแม่ทัพ

บูชาเทวดาประจำวันเกิดวันอังคาร
สวดพระคาถา ๘ จบ

ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง

......................................

พระประจำวันพุธ "ปางอุ้มบาตร"
ประวัติย่อ...

ครั้งหนึ่ง หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเวสสันดรชาดก โปรด พระพุทธบิดาและหมู่พระญาติทั้งหลาย บรรดาพระประยูรญาติต่างมีความแช่มชื่น โสมนัส จนลืมกราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์ให้มารับภัตตาหารเช้าใน พระพราชวัง ดังนั้น ในวันรุ่งขึ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเสด็จออกรับบิณฑบาต จากประชาชนทั่วไป
ในกรุงกบิลพัสดุ์

เทวกำเนิด พระอิศวรผู้เป็นเจ้านหเอาช้างสาร17เชือกมาป่นให้เป็นผงแล้วห่อด้วยผ้าสี เขียวมรกตประพรมด้วยน้ำอำมฤตบังเกิดเป็นเทพพระพุธ จึงมีกำลังดุจช้างสาร มีปัญญามาก มีร่างกายสีแก้วมรกตประดับอาภรณ์คือแก้วอินทนิล แต่งกายคล้ายฤษี มุ่นชฎา ทรงช้่าง ถือของ้าวรักษาเขาพระสุเมรุราช ด้านทิศทักษิณ เป็นเทพแห่งการ เจรจาติดต่อสื่อสารและการพานิช

บูชาเทวดาประจำวันเกิดวันพุธ
สวดพระคาถา ๑๗ จบ
ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท

......................................






 

ปฐมบทแห่งโหรา

ไหว้ ครูโหราศาสตร์ พระฤษี คือ โหรโด่งดังมีชื่อเสียงที่สุด ผู้เป็นครูพวกพราหมณ์ซึ่งนับถือว่าเป็น ครูใหญ่ หรือพระอาจารย์ใหญ่แห่งโหราศาสตร์และต่อจากนั้นมากมี พระอัญญาโกณฑัญญมหาเถรพระอรหันต์องค์ที่๑ ของพระพุทธเจ้า พระอัญญาโกณฑัญญมหาเถรเป็นบุตรพราหมณ์เศรษฐี บ้านอยู่ตำบลโกณวัตถุใกล้เมืองกบิลพัสดุ์เกิดก่อนพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าประสูติใหม่ๆมีพราหมณ์ที่เป็นโหรมาเฝ้าทำนายถึงจำนวน๑๐๘ ท่าน แต่ถูกคัดเลือกเอาเฉพาะพราหมณ์ที่เป็นโหรทีเก่งที่สุดไว้เพียง๘ท่าน


มีพระอัญญาโกณฑัญญมหาเถรรวมอยู่ด้วย ขณะนั้นพระอัญญาโกณฑัญญมหาเถรมีอายุน้อยกว่าเขา เป็นคนหนุ่มที่สุดในจำนวนพราหมณ์ที่เป็นโหรทั้ง๘ท่านด้วยกัน และยังถูกกีดกันให้เข้าทำนายเป็นคนที่๘ทีลังสุดในบรรดาพราหมณ์ที่เป็นโหรนับ แต่คนที่๑-๗ ได้ทำนายพระพุทธเจ้าขณะประสูติใหม่ๆนั้นไว้เป็น๒อย่างทุกคน พอถึงพระอัญญาโกณฑัญญมหาเถร ซึ่งเห็นพระพุทธเจ้ามีมหาบุรุษลักษณะครบทั้ง๓๒ประการทูลว่า.....ขอทำนาย อย่างเดียวจะออกบวช และเป็นศาสดาเอกในโลกจะได้เป็นพระพุทธเจ้าเป็นแน่ พระอัญญาโกณฑัญญมหาเถรได้ทำนายพระพุทธเจ้าถูกต้องทุกข้อ ครั้งแรกออกบวชได้ประกาศพระศาสนาต่อมาจึงอยู่ป่าสันโดษมักน้อย


การไหว้ครูโหราศาสตร์ คือการปฎิบัติที่ระลึกถึงครูอาจารย์และระลึกถึงพระอาจารย์โหรทั้ง๕อันได้มา สู่ธรรมวินัยของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีดังนี้