
การเรียนโหราศาสตร์หากผู้ศึกษาด้วยสัมมาทิฐิย่อมเข้่าถึงหลัก อิทัปปัจจยตา
คือเพราะมีสิ่งนี้ จึงเกิดสิ่งนั้น(การเดินภพของดาวในดวงชะตา) เกิดเป็นเรื่องราวของชีวิต ภายใต้ดวง คือรุปทรงกลมหรือวัฏฏะ(การหมุนวน)ต่อ เมื่อมีลัคนาขึ้นมาเกิดเป็นเรือนภพขึ้นมาแล้ว12เรือน เราจึงเรียกดวงกลมนี้ว่าดวงชะตา
ตั้งต้นที่ภพตนุไปคือ
๑. อวิชชาทำให้เกิดสังขาร
๒. สังขารทำให้เกิดวิญญาณ
๓.วิญญาณทำให้เกิดนามรูป
๔.นามรูปทำให้เกิดสฬายตะนะ
๕.สฬายตะนะทำให้เกิดผัสสะ
๖.ผัสสะทำให้เกิดเวทนา
๗.เวทนาทำให้เกิดตัณหา
๘.ตัณหาทำให้เกิดอุปาทาน
๙.อุปาทานทำให้เกิดภพ
๑๐.ภพทำให้เกิดชาติ
๑๑.ชาติทำให้เกิด...
๑๒.ชราและมรณะ
ดวงชะตาอันเกิดแต่ชนกกรรมโดยมีกำลังธาตุ กำลังดาวเข้ามาครองในเรือนภพสุดแต่บุคคลนั้นๆเกิดมาตรงกับร่องชะตาตามวัน เวลาใดประจวบเหมาะ ตำแหน่งดีร้ายอย่างไรกับดาวบนท้องฟ้า
เรียกสิ่งนี้เรียกว่าฟ้ากำหนด(กรรม) ที่เรียกฟ้าเพราะใช้ดวงดาวเป็นเครื่องมือ
เมื่อเกิดภพ-ชาติขึ้นเป็นดวงชะตาแล้ว
ดาวจร(อุปถัมภกกรรม)จะทำหน้าที่หล่อเลี้ยงต่อไป คือ กรรมที่ทำหน้าที่อุดหนุนหรือส่งเสริมทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม กล่าวคือ ในทางที่ดีก็ส่งเสริมให้กุศลกรรมให้ดียิ่งๆขึ้นไป ในทางที่ชั่วก็ส่งเสริมให้อกุศลกรรมส่งผลให้เลวร้ายต่ำทรามมากลงไปในดวงชะตา นั้นๆ
หรือดาวจรที่คอยมาตัดรอนตามเวลา(อุปปีฬกกรรม)
คือ กรรมมีหน้าที่เบียดเบียนกรรมอื่นเข้าไปทำร้ายหรือบีบคั้นกรรมอื่นที่มีสภาพ ตรงกันข้าม ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและฝ่ายอกุศล เป็นผลให้กรรมฝ่ายตรงกันข้ามอ่อนกำลังลงเสื่อมลง
ที่สุดท้ายแล้วสังขตธรรม(ธาตุทั้งหลายที่ถุกปรุงแต่ง)หรืออิทธิพลจากดวงดาว ตามกรรมในวันเดือปีดิถีเวลายามนั้นนี้ขึ้นมาเป็นดวงชะตา ก็ย่อมเสื่อมสลายไปตามกฏแห่งไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเช่นเดียวกัน
ลัคนา อันเป็นจุดเกิดแห่งเรือนชาติภพทั้ง12เมื่อเวียนจบครบจักรราศีตามกำลังธาตุ จะหลือเพียงดวงธรรมอันว่างเปล่า...ที่มีชนกกรรมนำไปเท่านั้น
บันทึกคนค้นดวง9/6/57.
คือเพราะมีสิ่งนี้ จึงเกิดสิ่งนั้น(การเดินภพของดาวในดวงชะตา) เกิดเป็นเรื่องราวของชีวิต ภายใต้ดวง คือรุปทรงกลมหรือวัฏฏะ(การหมุนวน)ต่อ เมื่อมีลัคนาขึ้นมาเกิดเป็นเรือนภพขึ้นมาแล้ว12เรือน เราจึงเรียกดวงกลมนี้ว่าดวงชะตา
ตั้งต้นที่ภพตนุไปคือ
๑. อวิชชาทำให้เกิดสังขาร
๒. สังขารทำให้เกิดวิญญาณ
๓.วิญญาณทำให้เกิดนามรูป
๔.นามรูปทำให้เกิดสฬายตะนะ
๕.สฬายตะนะทำให้เกิดผัสสะ
๖.ผัสสะทำให้เกิดเวทนา
๗.เวทนาทำให้เกิดตัณหา
๘.ตัณหาทำให้เกิดอุปาทาน
๙.อุปาทานทำให้เกิดภพ
๑๐.ภพทำให้เกิดชาติ
๑๑.ชาติทำให้เกิด...
๑๒.ชราและมรณะ
ดวงชะตาอันเกิดแต่ชนกกรรมโดยมีกำลังธาตุ กำลังดาวเข้ามาครองในเรือนภพสุดแต่บุคคลนั้นๆเกิดมาตรงกับร่องชะตาตามวัน เวลาใดประจวบเหมาะ ตำแหน่งดีร้ายอย่างไรกับดาวบนท้องฟ้า
เรียกสิ่งนี้เรียกว่าฟ้ากำหนด(กรรม) ที่เรียกฟ้าเพราะใช้ดวงดาวเป็นเครื่องมือ
เมื่อเกิดภพ-ชาติขึ้นเป็นดวงชะตาแล้ว
ดาวจร(อุปถัมภกกรรม)จะทำหน้าที่หล่อเลี้ยงต่อไป คือ กรรมที่ทำหน้าที่อุดหนุนหรือส่งเสริมทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม กล่าวคือ ในทางที่ดีก็ส่งเสริมให้กุศลกรรมให้ดียิ่งๆขึ้นไป ในทางที่ชั่วก็ส่งเสริมให้อกุศลกรรมส่งผลให้เลวร้ายต่ำทรามมากลงไปในดวงชะตา นั้นๆ
หรือดาวจรที่คอยมาตัดรอนตามเวลา(อุปปีฬกกรรม)
คือ กรรมมีหน้าที่เบียดเบียนกรรมอื่นเข้าไปทำร้ายหรือบีบคั้นกรรมอื่นที่มีสภาพ ตรงกันข้าม ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและฝ่ายอกุศล เป็นผลให้กรรมฝ่ายตรงกันข้ามอ่อนกำลังลงเสื่อมลง
ที่สุดท้ายแล้วสังขตธรรม(ธาตุทั้งหลายที่ถุกปรุงแต่ง)หรืออิทธิพลจากดวงดาว ตามกรรมในวันเดือปีดิถีเวลายามนั้นนี้ขึ้นมาเป็นดวงชะตา ก็ย่อมเสื่อมสลายไปตามกฏแห่งไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเช่นเดียวกัน
ลัคนา อันเป็นจุดเกิดแห่งเรือนชาติภพทั้ง12เมื่อเวียนจบครบจักรราศีตามกำลังธาตุ จะหลือเพียงดวงธรรมอันว่างเปล่า...ที่มีชนกกรรมนำไปเท่านั้น
บันทึกคนค้นดวง9/6/57.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น